CALL CENTER 038-388-999
นานาสาระ   
5 วิธีในการดูแลรถหน้าฝนที่สามารถ
โดย โตโยต้า เจริญยนต์ ชลบุรี : 15 กรกฎาคม 2560

5 วิธีในการดูแลรถหน้าฝนที่สามารถทำได้ภายใน 5 นาที

          เข้าหน้าฝนมาได้เกือบเดือนแล้วแบบนี้ คนรักรถตัวจริงคงรู้ดีว่า มีเรื่องให้ต้องห่วงเพิ่มขึ้น ไม่ใช่แค่ปัญหาปวดใจจนอยากจะโพสต์สเตตัสบ่น อย่างเวลาที่เพิ่งล้างรถเสร็จแล้วเจอฝนตก

          เอาเป็นว่า...เพื่อให้ทุกคนสามารถดูแลรักษารถสุดรักให้ผ่านหน้าฝนไปได้ด้วยดี Sanook! Auto จึงมีคำแนะนำในการระวังรักษารถมาฝากกัน ซึ่งทุกทิปส์ที่เราแนะนำมานั้น ยืนยันว่าสามารถทำได้ภายใน 5 นาทีด้วยล่ะ

1.ทำความสะอาดที่ปัดน้ำฝน

          ต่อให้ขี้เกียจล้างรถหน้าฝน แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่อยากให้คุณขี้เกียจก็คือทำความสะอาดที่ปัดน้ำฝน เพราะนอกจากจะเป็นชิ้นส่วนของรถที่ต้องรับภาระหนักในช่วงนี้แล้ว การปล่อยให้ที่ปัดน้ำฝนแห้ง โดยไม่เช็ดทำความสะอาด จะทำให้กระจกเป็นรอยได้ เพราะฝุ่นผงที่ติดอยู่ตามที่ปัดน้ำฝนจะโดนกวาดไปบนกระจกโดยตรงเวลาใช้งาน ติดผ้าเช็ดไว้ที่ท้ายรถ ก็คงไม่ทำให้ท้ายรถของคุณรกขึ้นหรอกน่า

2.อย่ามองข้ามยางขอบประตู

          การพกผ้าไว้ท้ายรถไม่ได้มีประโยชน์แค่เช็ดที่ปัดน้ำฝนเท่านั้น แต่ยังนำมาใช้ในการเช็ดยางขอบประตูได้ด้วย เพิ่มเวลาในการดูแลรักษารถอีกนิด เพราะถ้าเราละเลยการดูแลยางขอบประตู เราอาจจะไม่ได้สังเกตว่ายางเสื่อมสภาพหรือไม่ ซึ่งก็คงไม่สนุกแน่ถ้ามารู้อีกทีตอนที่ฝนตกหนักหรือน้ำท่วม แล้วน้ำซึมเข้ามาในรถได้ เหตุเพราะยางขอบประตูเสื่อมสภาพนี่ล่ะ

3.เช็คแบตเตอรีให้ชัวร์

          อายุการใช้งานของแบตเตอรีรถยนต์ส่วนใหญ่เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ 5 ปี คุณอาจจะคิดว่า เพิ่งเปลี่ยนแบตเตอรีมาไม่ถึง 5 ปี แบบนี้รอดแน่! ถ้าใครคิดแบบนี้ แสดงว่าคุณอาจลืมความจริงไปข้อหนึ่งว่า ความชื้นของอากาศในหน้าฝนก็มีผลต่อการทำงานของแบตเตอรีได้ เพราะฉะนั้นนอกจากจะเช็คตรงเกจหน้ารถที่บอกสถานะของแบตเตอรีแล้ว ก็ให้สังเกตอาการอื่นๆ ของรถด้วย โดยเฉพาะอาการสตาร์ทติดๆ ขัดๆ ซึ่งอาจมาจากปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรีได้

 

4.อุปกรณ์สำรองต้องมี

          เป็นเหมือนกันไหมที่เวลาอยู่ออฟฟิศตอนบ่ายๆ พอเห็นฟ้ามืด ตามด้วยฝนเทหนักๆ ก็เริ่มจะใจคอไม่ดี เพราะนอกจากรถจะติดอย่างแน่นอนแล้ว ยังหวั่นๆ ว่าถ้าเกิดน้ำท่วม แล้วจะต้องขับรถลุยน้ำ คงไม่สนุกแน่ ถ้าเกิดรถลุยน้ำแล้วดับกลางทาง เพราะฉะนั้น Sanook! Auto แนะนำว่าหน้าฝนนี้ของที่ควรจะต้องมีติดรถไว้ น่าจะมีร่ม หรือไม่ก็เสื้อกันฝน, พาวเวอร์แบงก์, ไฟฉาย, สายพ่วงรถยนต์ และสายพ่วงแบตเตอรี ใช้เวลาเตรียมทั้งหมดนี้ไม่ถึง 5 นาทีหรอก แต่เชื่อเถอะว่าจะช่วยให้เราอุ่นใจขึ้นเยอะ ถ้าเกิดรถเสียกลางทาง

5.ประกันรถยนต์ต้องพร้อม

          เพราะบางครั้งอุบัติเหตุก็เป็นเรื่องสุดวิสัยที่ยากจะหลีกเลี่ยง ซึ่งการมีประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมสถานการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้จะช่วยให้เราอุ่นใจได้เยอะ ยิ่งหน้าฝนแบบนี้ อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด เพราะอาจจะน้ำท่วมจนน้ำเข้ารถ ทำให้รถเสีย สตาร์ทไม่ติดหรือเจอเหตุการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ได้ง่าย ซึ่งถ้าเรามีประกันที่คุ้มครองความเสียหายในกรณีน้ำท่วม เราก็จะหมดความกังวลไปได้บ้าง

  

          ขอบคุณที่มา : http://auto.sanook.com/59293/